ลิขิตฟ้า ข้าขอฝืน ทัณฑ์สวรรค์อื่น... ข้าพร้อมแบกรับ - นิยาย ลิขิตฟ้า ข้าขอฝืน ทัณฑ์สวรรค์อื่น... ข้าพร้อมแบกรับ : Dek-D.com - Writer
×

    ลิขิตฟ้า ข้าขอฝืน ทัณฑ์สวรรค์อื่น... ข้าพร้อมแบกรับ

    อยู่ท่ามกลางความมืดมิดมาชั่วกัปชั่วกัลป์ ได้รับเพียงแสงจากจันทราเท่านั้น ชั่วครั้งชั่วคราว...ความรักแท้จริงเป็นเช่นไร จักรวาลนี้จะเผยให้เขาได้รู้

    ผู้เข้าชมรวม

    25,968

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    37

    ผู้เข้าชมรวม


    25.96K

    ความคิดเห็น


    81

    คนติดตาม


    524
    จำนวนตอน :  105 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  12 ม.ค. 62 / 10:46 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


    ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ ด้วยหมายมั่นว่าจะให้จบเล่ม3ภายในสิ้นปีนี้ ตัั้งใจว่าจะพยายามอัพให้ได้ทุกวัน หากไม่ได้อัพติดต่อกันหลายวัน นั่นหมายความว่าสุขภาพของผู้เขียนนั้นไม่เอื้ออำนวย ส่วนที่อัพล่าช้าจนเหมือนจะดองนั้น ผู้เขียนเองมีเหตุผลส่วนตัว มิได้คิดจะหยุดเขียนแต่ประการใด ยังไงก็จะให้จบภาคนี้ ภายในปีหน้าให้ได้





    ตัวละครสำคัญ







    (流星白)...หลิวซิ่งไป๋...(ดาวตกซึ่งขาวกระจ่างเจิดจ้า) ศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของเซียนสรรพสิ่ง สุขุมเยือกเย็น นอบน้อม แตกฉานทุกสรรพวิชา ทว่ากลับซื่อไร้เดียงสาเรื่องความรัก (มีปมผูกพันจากต้นกำเนิด จึงทำให้ไม่อาจเข้าใจความรักได้โดยง่าย) ใบหน้าตาย เป็นปฏิกิริยาตอบสนอง ที่อิสตรีทั่วทั้งปฐพีนั้นจะได้รับจากเขา หามีเลยไม่ความวาบหวาม กรุ้มกริ่มพริ้มเพรา บุคลิคที่ดูลึกลับ ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งน่าค้นหา นั่นทำให้เหล่าสาวงามทั่วทั้งแผ่นดินปรารถนาที่จะพิชิตใจของเขาให้ได้




         "ข้า...ข้าเห็นนางอีกแล้วท่านปู่" น้ำเสียงอ่อนเยาว์พร่ำพลอดเนิบนาบ กระเซ้าผ่านกระแสลมส่งไปหาชายชรา ที่นั่งอยู่บนโขดหิน ห่างออกไปยังอีกเสาหิน ราวหนึ่งสวนสี่ลี้





    ชิงเอ๋อ: สตรีนางแรก ที่หลิวซิ่งไป๋นั้นพบตั้งแต่ลงมาจากอู่หลิงยฺเหวียน กิริยาอ้อนช้อยอรชรด้วยจริตจะก้าน และใบหน้าที่งดงามดุจดั่งเทพธิดา หากเป็นชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป คงไม่พ้นที่ใจนั้นจะหลอมละลายแทบเท้าของนาง ทว่าภูมิหลังของนางนั้นช่างซับซ้อน  จนกลายเป็นเรื่องวุ่นให้หลิวซิ่งไป๋ต้องเข้าไปพัวพัน

    "คุณชายไป๋ แพะที่ท่านจะรีดน้ำนมนั้น มันเป็นตัวผู้นะ!"





    ข่งยเว่ ลูกสาวคนเดียวของตระกูลใหญ่ ที่ใครๆ ต่างก็นับหน้าถือตาในยุทธภพ ทำก่อนค่อยพูดทีหลัง ผิดถูกยังไงก็ช่าง 
    "...เก็บดอกไม้แดงนั่นขึ้นมา  'แล้วก็...แต่งงานกับข้าซะ"

    "เจ้าคนบ้า! เก็บขึ้นมาสิ !"





    เหมฟวา หญิงผู้สูงศักดิ์ ที่มักแปลงโฉมออกมาเที่ยวเล่นสนุก โดยเฉพาะการแกล้งคน คือสิ่งที่นางชื่นชอบเป็นที่สุด







    สเหวียนหู่ นักพรตหนุ่ม ผู้ซึ่งซ่อนศีรษะอันโล้นโล่งเตียนเอาไว้ภายใต้ผมปลอม ได้รับภารกิจจากอาจารย์ ให้ตามหาหนังมนุษย์ปริศนากลับไป โดยที่หาได้รู้เลยว่า บัดนี้มันได้ตกไปอยู่ในมือหลิวซิ่งไป๋
    "ใบหน้าของข้านั้นก็หล่อเหลา อีกทั้งยังไม่ซื่อบื้อเหมือนหลิวซิ่งไป๋ เหตุไฉนใยสตรีถึงยังพากันหมางเมิน"




    ยวี่ก๊วง...แสงจันทร์ดวงน้อย ที่จะเข้ามาป่วนชีวิตของหลิวซิ่งไป๋ ให้ชุลมุนวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม แม้จะมีอายุเพียงสี่ย่างห้าขวบ แต่นางกลับรู้ว่าความรักคืออะไร มากกว่าหลิวซิ่งไป๋เสียอีก...
    "ชีพจรของเจ้าเป็นปรกติ แต่เจ้าเป็นคนไม่ปรกติ" ร่างเล็กเตะสัมผัสยังชีพจรของหลิวซิ่งไป๋ ก่อนจะสะกิดไปมา
                   


    ....       ....
                        


    ยเหว่ฮัว...เรียบร้อยสุขุมนุ่มลึก ได้รับการถ่ายทอดวิธีปรุงยาและวรยุทธจากท่านยายผู้ลึกลับ 

    "คุณหนู เด็กน่ะ...ไม่เท่าไหร่หรอก ข้าว่า...ที่น่ากลัว น่าจะคนเป็นพี่มากกว่า" เสี่ยวเตียนพูดพลาง เหลือบหางตาไปมองยังใบหน้างามที่เสยผมทัดใบหูพลาง ซึ่งอยู่ห่างออกไปยังอีกด้านของกระท่อม




    ชู่อิง องครักษ์มือขวาของตำหนักบัวเบญจมาศ นางจ้องหาโอกาสที่จะสังหารหลิวซิ่งไป๋อยู่ตลอดเวลา

    **ทุกภาพนั้นข้าพเจ้าวาดขึ้นมาเองทั้งสิ้น มิได้นำภาพของผู้ใดมาเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต






    ศาสนาเต๋า
    คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง

    คำสอนในคัมภีร์บางตอนเข้าใจยาก ข้อความหลายตอนเป็นปริศนา มีลักษณะขัดแย้งกันในตัวเอง (paradoxical) เช่น “ผู้ใดไม่ออกจากบ้าน ผู้นั้นจะรอบรู้เรื่องของจักรวาล”

    cr.   http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/tao00.htm



                   

                      **************************************************
              
                            







                                   ลิขิตฟ้า ข้าขอฝืน ทัณฑ์สวรรค์อื่น ข้าพร้อมแบกรับ
              

                                                      ภาค. ดาวที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า 
                                                 
                                     
                                 (อิงประวัติศาสตร์ ยุคราชวงศ์หมิง รัชศกว่านลี่)

             


         

         บทนำ 

     

     

     

    ในห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง ท่ามกลางเมฆหมอกเนบิวล่าหลากสี ภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงก่อกำเนิดพร้อมกับเปิดประตูมิติเวลา ยังภายนอกวงโคจรของดวงดาวต่างๆ ขึ้นไม่นานก็พลันหายไป ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับถูกรบกวนไม่ให้เกิดความเสถียร

    ดวงจิตที่ซึ่งก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่าง หลบหลีกคลื่นพลังที่พุ่งถาโถมเข้าใส่ยังด้านหลัง ไม่หยุดหย่อน ด้วยความพะว้าพะวัง ทุกครั้งที่ดวงตามังกร ซึ่งเป็นอาวุธเทพคู่กายนั้นเบิกขึ้น ประตูมิติเวลาก็พลันถูกเปิด แต่นั่นก็กลายเป็นช่องโหว่ ให้ผู้ที่กำลังพยายามดึงดวงจิตของนาง ยังอีกฝั่งพิภพนั้น ส่งกระแสแรงดึงดูดอันมหาศาล ผ่านประตูมิติเวลาเข้ามาปะทะ

    กายเนื้อและดวงจิตที่หลงเหลือ ยังพิภพแห่งทิวานั้น ได้ถูกเหล่าทวยเทพใช้พลังตรึงไว้ มิให้ทั้งกายและจิตแยกจากกันสิ้น นั่นจึงทำให้ทุกครั้งที่พยายามเบิกเนตรมังกร ผู้ที่อยู่ยังอีกฝั่งประตูมิติ จึงสามารถใช้พลังอำนาจติดตามมาได้

    สายตาอาวรณ์เหลือบลงไปหาดวงจิต ที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าแพรส่องประกายอร่ามเจิดจรัส ครุ่นคิดสองจิตสองใจ หากยังคงปิดประตูมิติยังฝั่งพิภพแห่งทิวาไม่ได้เช่นนี้ เห็นทีคงไม่พ้นถูดคลื่นพลังอันมหาศาล ที่ส่งเข้ามาปะทะทุกครั้งที่นางนั้นเบิกเนตรมังกร ดึงดูดกลับไปยังพิภพแห่งทิวาเป็นแน่

    ประตูมิติถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่ภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงก่อตัวขึ้น ยังรอบนอกสุดของวงแหวนดาวเสาร์ คลื่นพลังก็พลันพุ่งโจมตีผ่านประตูมิติ จากฝั่งพิภพแห่งทิวาเข้ามา ร่างงดงามอันเลือนลางเลี่ยงหลบออกไปได้อย่างเฉียดฉิว ภายในอุโมงค์ห้วงแห่งการเวลา 

    แต่ทว่าดวงตามังกรที่ล่องลอยยังเบื้องหน้านั้น กลับเลี่ยงไม่พ้นคลื่นพลังอันเย็นยะเยือกจนเกิดความเสียหาย ส่วนพลังที่ผ่านประตูมิติออกไปนั้น เข้าปะทะยังฝุ่นละอองที่โคจรรอบดาวเสาร์ จนกลายเป็นกลุ่มก้อนผลึกน้ำแข็งกระทบเสียดสีกันไปมา ตามแรงดึงดูดของดวงดาว

    ประกายสายฟ้าแปลบปลาบ ที่ปะทุออกมาจากดวงตามังกรไม่หยุด ทำให้ร่างอรชรอันเลือนรางนั้น รู้ได้ในทันทีว่าประตูมิติ จะถูกเปิดขึ้นได้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!!

    ดวงตาอันสิ้นหวังก็พลันเหลือบไปต้องสบ เข้ากับดวงดาวซึ่งเต็มไปด้วยหมู่เมฆาสกาวรายรอบ ตามเสียงเพรียกกระซิบ ที่เรียกให้ใบหน้างามนั้นหันไปยล

    เพียงชั่วอึดใจก่อนที่พลังอันมหาศาล จะพุ่งผ่านอุโมงค์แห่งกาลเวลาเข้ามากระทบ ประตูมิติก็พลันถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ยังรอบวงโคจนของดวงดาว ที่สรรพชีวิต ล้วนต่างก็ถือกำเนิดขึ้น โดยธรรมชาตินั้นเป็นผู้สรรสร้าง

    ดวงตามังกรขยายกลายเป็นอุกกาบาต ห่อหุ้มดวงจิตทั้งสองเอาไว้ พร้อมกับพุ่งลงไปยังพิภพเบื้องล่างด้วยความเร็ว จนเกิดเปลวไฟลุกรายรอบ

    ผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล ก็พลันก้องกังวาน ตามเสียงที่แหวกชั้นบรรยากาศลงมา ยังเหนือท้องนภาของอู่หลิงยฺเหวียน

    ดวงจิตที่ถูกห่อหุ้มด้วยอาภรณ์เหลืองอร่ามทอแสงเจิดจรัส ก็พลันเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นทารก ทันทีที่ผ่านชั้นบรรยากาศของดาวดวงนี้เข้ามา ราวกับว่าโลกนั้น ได้ยอมรับการจุติของเขา

    สถานที่ ที่ซึ่งตระหง่านไปด้วยเสาหินควอร์ตไซต์ขนาดใหญ่นับพัน ที่ต่างก็จรดชี้เทียมเมฆอย่างอัศจรรย์ หนึ่งในยอดที่เสียดเทียมหมู่เมฆานั้น ชายชราที่กำลังนั่งภาวนากำหนดจิต ถึงพร้อมแล้ว ที่กลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ดังที่ตั้งปณิธานเอาไว้ ทว่า... ดวงตาก็พลันลืมตื่นขึ้น เมื่อสมาธินั้นถูกรบกวน

    อุกกาบาตส่งประกายสายฟ้าแปบปลาบอยู่ครู่ ก่อนจะแตกกระจายพุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง ร่างอรชรก็พลันร่วงหล่นลงมา นั่นทำให้ชายชราลุกพรวด ทะยานร่างพุ่งขึ้นไปหาด้วยความรวดเร็ว

    ลำไผ่เล็กเขียวขจี ส่องประกายเรืองรองในมือของชายชรา ถูกกวัดแกว่งพยุงร่างในชุดไหมประณีตวิจิตร ที่ร่วงลงมาด้วยความเร็ว ก่อนจะยื่นเข้าไปให้ร่างอรชรนั้นเอื้อมจับเอาไว้

     


    ************************************************************************************



    ลิขิตฟ้า ข้าขอฝืน ทัณฑ์สวรรค์อื่น ข้าพร้อมแบกรับ
    เสี่ยงเซี่ยง
    www.mebmarket.com
    “เมื่อกี๊ข้าเห็นเต็มสองตา ชิวหาที่พวกเจ้ายื่นออก มาโรมรันกัน ปานราวกับกระบี่ไม่รู้ตั้งกี่เพลงต่อกี่เพลง แล้วไหนจะมือที่ปัดป่ายลูบไล้ไปตามเรือนร่างของกันและกันอีก มิหนำซ้ำหนวดเคราของพวกเจ้าก็ยังพันกันจนยุ่งเหยิง จนข้าเองยังแอบคิดเลยว่า ใบหน้าของพวกเจ้านั้นจะแยกออกมาจากกันได้ยังไง ถ้าหากวันนี้ข้านั้นไม่จับพวกเจ้าไปลงโทษที่ศาล ข้าจะมีหน้าเป็นมือปราบได้อีกหรือ!” สิ้นเสียงกร้าวของมือปราบ ราวกับเป็นการส่งสัญญาณให้เกิดอุปทานหมู่...โอ๊ก! อ้าก! อ้วก! แหวะ!

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น